โกเบ (Kobe) ไม่ได้มีดีแค่เนื้อ มารู้จักกับ 13 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจห้ามพลาดจากชาว Pantip!

ศาลเจ้าเก่าแก่อายุ 1,800 ปีที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโกเบ ไม่ไกลจากสถานี Sannomiya มีความเชื่อว่าถ้าขอพรหน้าต้นสนซีดาร์ที่อยู่ด้านขวาของทางเข้าศาลเจ้าจะสมหวังในความรัก ด้วยพลังของเทพ Wakahirume เทพเจ้าแห่งการถักทอ ที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้คนเข้าด้วยกัน จึงเป็นที่นิยมในการขอพรเรื่องความรักและการแต่งงาน นอกจากนี้ภายในโถงหลักยังมีเซียมซีความรักที่ต้องนำไปจุ่มในแม่น้ำจึงจะปรากฏคำทำนาย เครื่องรางแห่งการแต่งงานก็เป็นไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาด โดยจะขายเป็นคู่ สีแดงและสีขาว ว่ากันว่าหากฝ่ายชายพกเครื่องรางสีขาวและฝ่ายหญิงพกเครื่องรางสีแดงติดตัวไว้ ความรักของทั้งคู่จะคงอยู่นิรันดร์ นอกจากศาลเจ้าหลักยังมีศาลเจ้าเล็กๆมากถึง 14 แห่ง ซึ่งโด่งดังในเรื่องต่างๆกันไป เช่น ศาลเจ้า Inari ที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมด้วยประตูโทริอิสีแดงสดที่เรียงต่อกันเป็นทางยาว เชื่อว่าหากได้เดินผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์นี้ คำขอจะส่งไปถึงเทพเจ้า และช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของโชคลางแล้ว ศาลเจ้า Ikuta ยังถูกโอบล้อมไปด้วยป่าและทะเลสาบที่อยู่ด้านหลัง เป็นโอกาสดีในการหลบหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่มาสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และชำระล้างจิตใจให้สงบใต้ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี

📍 Ikuta Shrine, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/j1FVNqrZwu5d37FT7)

🚘 สถานี Sannomiya เดินต่อ 10 นาที 🕙 7:00 – 18:00 (ทุกวัน)

💸 ฟรี

หอคอยโครงสร้างเหล็กสีแดงตัดกับท้องฟ้าความสูง 108 เมตรแห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองท่าโกเบ ที่มีรูปร่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามรูปทรงของกลองญี่ปุ่น Tsuzumi ด้านบนเป็นจุดชมวิว 360 องศาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองโกเบและท่าเรือโดยมีเทือกเขา Rokko เป็นฉากหลัง แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงอยู่ที่เวลากลางคืน เมื่อหลอดไฟ LED 7 พันดวงรอบหอคอยและแสงไฟในเมืองส่องสว่าง วิวยามค่ำคืนของโกเบที่มองจากจุดชมวิวนั้นถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 วิวกลางคืนที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว นอกจากจุดชมวิวบนชั้น 5 แล้ว ยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพและชมทัศนียภาพของเมืองโกเบ เช่น Sky Lounge บริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่จะหมุนให้ชมวิวแบบครบรอบทุกๆ 20 นาที, Skywalk บริเวณจุดชมวิวชั้น 1 จะมีช่องกระจกบนพื้นจะเปลี่ยนเป็นโปร่งใสเมื่อมีคนเดินผ่าน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวัดใจและไม่กลัวความสูง หรือแม้แต่บริเวณทางเดินริมน้ำด้านล่างที่มองกลับมาเห็นตัวหอคอยก็น่าสนใจ เพราะไฟที่ประดับรอบหอคอยจะเปลี่ยนสีแตกต่างกันไปตามฤดูกาล แต่งแต้มสีสันให้กับท้องฟ้ายามค่ำคืน จนได้รับรางวัลมามากมายทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและการจัดแสงไฟ

📍 Kobe Port Tower, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/6oBg6Lj66in)

🚘 สถานีรถไฟใต้ดิน Minato-motomachi เดินต่อ 5 นาที หรือสถานี JR Motomachi เดินต่อ 15 นาที

🕙 9:00 – 20:30 (ทุกวัน)

💸 ผู้ใหญ่ 700 เยน, เด็ก 300 เยน

สัมผัสกลิ่นอายตะวันตกที่ผสานเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวที่ย่าน Kitanocho ที่ตั้งอยู่บริเวณตีนเขา Rokko แต่เดิมถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อค้าและบรรดาท่านทูตชาวตะวันตก ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันจึงมีคฤหาสน์เก่าแก่สไตล์ตะวันตกที่เรียกว่า Ijinkan เรียงรายไปตามทางลาด บางแห่งเปิดให้เข้าชมภายในตัวบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่นของโกเบให้ได้แวะชมแวะชิม สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสบรรยากาศและสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณอย่างใกล้ชิด แนะนำให้ซื้อพาสปอร์ตเข้าชมบ้านพัก ซึ่งมีให้เลือกหลายราคาตามจำนวนบ้าน ราคาตั้งแต่ 550 เยนจนถึง 3,000 เยนที่สามารถเข้าได้ครบทั้ง 7 หลัง พร้อมสวมบทบาทแต่งตัวเป็นท่านลอร์ดหรือสตรีสูงศักดิ์เดินถ่ายรูปภายในบริเวณบ้านได้อีกด้วย บ้านแต่ละหลังจะมีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน และเครื่องเรือนที่แตกต่างกันออกไปตามสไตล์ของแต่ละประเทศ โดยบ้านที่เป็นไฮไลท์ของย่าน Kitanocho ได้แก่ Weather Cock บ้านของพ่อค้าชาวเยอรมัน, Moegi คฤหาสน์สองชั้นของสถานกงสุลอเมริกา, English House บ้านสไตล์อังกฤษที่จำลองห้องทำงานของ Sherlock Holmes, Yokan Nagaya บ้านสไตล์ฝรั่งเศส และ Dutch Museum ที่จัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ดัทช์ให้ได้ชม

📍 Kitanocho, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/YMmjXupVCHs)

🚘 สถานี Sannomiya หรือสถานี Shin-Kobe เดินต่อ 5 นาที

🕙 9:30 – 17:00 (ทุกวัน)

💸 ผู้ใหญ่ 1,400 เยน, เด็ก 300 เยน (ชมคฤหาสน์ 3 หลัง) ผู้ใหญ่ 2,100 เยน, เด็ก 500 เยน (ชมคฤหาสน์ 5 หลัง) ผู้ใหญ่ 3,000 เยน, เด็ก 800 เยน (ชมคฤหาสน์ 8 หลัง + เช่าชุด + สมุดตราประทับ)

สัมผัสเสน่ห์ของเมืองท่าที่ Kobe Harborland ย่านช้อปปิ้งและศูนย์รวมความบันเทิงที่เชื่อมตัวเมืองและท้องทะเลเข้าด้วยกัน ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สามารถเดินถึงกันได้ด้วยทางเดินใต้ดินและทางเดินริมน้ำ ให้ได้เพลิดเพลินกับการช้อปกันแบบนอนสต๊อป หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็เป็นช่วงเวลาที่ท่าเรือโกเบจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากหอคอยโกเบและชิงช้าสวรรค์ ประกอบกับแสงไฟสลัวจากตะเกียงที่เรียงรายไปตามทางเดินริมน้ำ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก จนผู้คนมากมายนิยมมาขอแต่งงานกันที่ท่าเรือแห่งนี้ ห้างสรรพสินค้าที่เป็นไฮไลท์คือ umie MOSAIC ที่มีทั้งร้านค้าและร้านอาหารมากมายอยู่ริมอ่าว เหมาะแก่ดื่มด่ำรสชาติของอาหารไปพร้อมๆกับชมวิวท่าเรือและหอคอยโกเบยามค่ำคืน ที่ปลายสุดของห้างจะมีชิงช้าสวรรค์สีแดงขนาดใหญ่ให้ได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นไปชมทิวทัศน์จากมุมสูง นอกเหนือจากนี้ก็มีสถานที่อื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น Duo Kobe ห้างที่อยู่บริเวณชั้นใต้ดินของสถานี JR Kobe, House Design Center โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งภายใน, Brick Warehouse โกดังเก่าที่ถูกรีโนเวทเป็นร้านค้าและร้านอาหาร อีกทั้งยังมีโรงแรมและสถานที่จัดงานแต่งงานครบวงจรคอยให้บริการอีกด้วย

📍 Kobe Harborland, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/CeLXMmcA9E22)

🚘 สถานี JR Kobe หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Harborland

🕙 10:00 – 21:00 (ทุกวัน)

💸 ฟรี

เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจไปตามเนินเขา Rokko ที่รายล้อมด้วยแปลงดอกไม้หลากสีในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีสมุนไพรและไม้ดอกมากถึง 200 สายพันธุ์สลับกันเบ่งบานตลอดปี ภายในแบ่งออกเป็นธีมต่างๆมากถึง 12 สวน โดยเริ่มจาก Welcome Garden ที่จำลองบรรยากาศของปราสาทเยอรมันเก่าแก่ Wartburg Castle จากนั้นก็สามารถเลือกชมสวนอื่นที่มีความพิเศษแตกต่างกันไปตามความชอบ ปิดท้ายด้วยการแช่เท้าในน้ำสมุนไพรไปพร้อมๆกับชมวิวเมืองโกเบจากบนเขา หรือจิบชาสมุนไพรใน Mint Cafe สวนที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ Rose Symphony Garden ที่สามารถเดินชมกุหลาบอังกฤษและสายพันธุ์อื่นๆอีก 60 ชนิดท่ามกลางเสียงดนตรี, Glasshouse เรือนกระจกที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขตร้อน, Fragrant Garden ที่จำลองบรรยากาศชนบทในยุโรปที่อบอวลไปด้วยกลิ่นมิ้นท์, Herb Museum ที่รวมสมุนไพรกว่า 100 ชนิดพร้อมข้อมูลและวิธีใช้

📍 Nunobiki Herb Garden, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/tp7gD4QxmDCh4uwb6)

🚘 สถานี Shin-Kobe เดินต่อ 5 นาทีไปยังจุดขึ้นกระเช้า

🕙 10:00 – 17:00 (ทุกวัน)

💸 ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็ก 750 เยน (รวมค่ากระเช้า)

เพลิดเพลินไปกับของเล่นและตัวละครขวัญใจเด็กๆจากการ์ตูนยอดฮิต Anpanman บริเวณชั้น 1 จะเป็นร้านอาหารและร้านค้าที่รวมสินค้าลายอันปังแมนแสนน่ารัก ตามมาด้วยร้านเบเกอรี่ที่เด็กๆจะได้มีโอกาสชิมขนมปังหน้าอันปังแมนและเหล่าผองเพื่อน ด้วยการเลือกบัตรตามหน้าตัวละคนที่ต้องการแล้วนำไปชำระเงิน จากนั้นก็จะได้รับขนมปังอบใหม่จากเตาหน้าตาน่ารักไปทาน แล้วไปสนุกกันต่อที่ชั้น 2 ซึ่งมีเวทีแสดงที่จะมีโชว์จากอันปังแมนและเพื่อนๆ ที่จะออกมาทักทายและสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆทุกวัน

📍 Kobe Anpanman Children’s Museum & Mall, Hyogo, Japan (https://goo.gl/maps/t5ZnKQf3yVokAufN9)

🚘 สถานี JR Kobe หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Harborland เดินต่อ 8 นาที

🕙 10:00 – 18:00 (ทุกวัน)

💸 1,800 เยน

สะพาน Akashi-Kaikyo มีความสำคัญมากครับ เพราะเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก เชื่อมระหว่าง เกาะฮอนชู เมืองโกเบ ไปยังเกาะอวาจิ ของอีกภูมิภาค คือ Shikoku ครับ เดิมที สมัยยังไม่มีสะพาน Akashi-Kaikyo นี้ การเดินทางข้ามเกาะต้องใช้เรือโดยสารข้ามฟากไปมา ซึ่งมีการเดินเรือที่หนาแน่นมาก และมีความเสี่ยงตลอดเวลา จนกระทั่งมีการเกิดอุบัติเหตุเรือข้ามฟากชนกัน ในปี 1955 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา จึงก่อให้เกิดการริเริ่มแนวคิดโครงการสะพานเชื่อมเกาะ แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาการต่อต้านจากคนในพื้นที่ และจากภัยธรรมชาติ ที่ทำให้การริเริ่มโครงการ และการก่อสร้างสะพาน ต้องล่าช้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแล้วเสร็จ และเปิดใช้ เมื่อปี 1998 นี้เอง นับว่าเป็นสะพานที่ใหม่เอี่ยมอ่องมากๆ

เป็นย่านที่พักเก่าแช บนเนินเขา เป็นย่านชุมชน ที่เคยใช้เป็นที่พักสำหรับชาวยุโรปที่เข้ามาค้าขายในโกเบ ในช่วงปลายศตวรรษ 1800 ครับ ย่านนี้ เป็นย่านที่รวมสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่ดูเก๋ไก๋ หรูหรา ตามแบบฉบับของพ่อค้าชาวยุโรปที่มีความร่ำรวยจากการค้าขาย ต่อมา พอหมดช่วงอายุของพ่อค้าที่มาอยู่ บางคนก็เสียชีวิต บางคนก็กลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเอง ก็เหลือบ้านหลังงามๆไว้เป็นชุมชนใหญ่ คฤหาสถ์บางหลัง ยังมีข้าวของเครื่องใช้ของเจ้าบ้านเดิมเหลืออยู่ด้วย ทางรัฐบาลญี่ปุ่น จึงได้เข้ามาดูแล และปรับปรุงคฤหาสถ์สวยๆ เหล่านี้ ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และเป็นย่านท่องเที่ยวไฮไลท์ของโกเบมาถึงทุกวันนี้ครับ