เยือน 28 สถานที่เที่ยวที่ชาว Pantip ถวิลหา ณ เกาะคิวชู (Kyushu)

ศาลเจ้าดาไซฟุ (Dazaifu) ที่เป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่มาเที่ยวฟุกุโอกะ ซึ่งถ้าไม่ได้มาก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเมืองนี้ เราตั้งใจมาที่นี่เป็นอันดับแรกเนื่องจากว่ามาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางแก่หมู่คณะของเรา วันนี้เป็นวันจันทร์แต่นักท่องเที่ยวเยอะอยู่ค่ะ ทั้งคนญี่ปุ่นเอง คนเกาหลีและคนจีนก็เยอะ แต่ไม่ค่อยเจอคนไทยเลย ไฮไลท์อีกจุดที่ต้องแวะชมคือร้านกาแฟสตาบัคส์ ที่มีการตกแต่งด้วยไม้จากการออกแบบให้แปลกตาด้วยการใช้ไม้ถึง 2,000 ท่อน ตกแต่งเป็นลักษณะสานไขว้ไปมาและมีการยอมรับว่าเป็นสาขาที่สวยที่สุดในโลกอีกสาขาหนึ่ง

ที่นี่นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองนี้อีกด้วยเพราะความสูงของหอคอยแห่งนี้ที่มีความสูงมากถึง 234 เมตร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดของเมืองนี้เชียวนะคะ ฉะนั้นเรื่องวิวนี่ไว้ใจได้สวยหายห่วง วิวที่จะสามารถชมได้รอบทิศรอบทางแบบ 360 องศาเลยไปเลย ไม่ว่ามุมไหนก็เห็นหมด โดยจะสามารถขึ้นไปดูวิวได้ตรงบริเวณลานชมวิวที่ความสูง 123 เมตร สามารถชมวิวไปรอบๆ เห็นทะเลฮากาตะและตัวเมืองฟูกุโอกะได้สบายๆ ยิ่งถ้าวันไหนอากาศดีๆฟ้าโปร่งสดใสนี่ยังจะสามารถห็นวิวของอ่าวฮากาตะได้ทั้งหมด จะมีเกาะน้อยใหญ่กระจายตัวกันอยู่ รวมทั้งเมืองฟูกุโอกะเกือบทั้งเมืองด้วย ยิ่งช่วงกลางคืนยิ่งจะฟินจนนับว่าเป็นจุดชมวิวยอดฮิตในช่วงกลางคืนของเมืองแห่งนี้อีกต่างหาก

ภายในสวนสาธารณะโอโฮริ ก็จะมีสวนแบบญี่ปุ่นอยู่ด้านในด้วย มีป้ายบอกทางว่า Ohori Japanese Garden ก็เดินเข้าไปเลย แต่ในบรืเวณสวนญี่ปุ่นเราต้องเสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ (ขอโทษด้วย..จำไม่ได้ว่าค่าเข้าเท่าไหร่ แต่ไม่แพงนะ)

เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ อีกเมืองนึง ที่ยังคงความเป็นดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี บ้านเรือนยังอยู่บนเนินเขา มีปราสาท Kitsuki ที่สวยงาม วันนี้เรามาเช่าชุดกิโมโน ที่ร้านให้เช่ากิโมโน “วะระคุอัน” มีกิโมโนจำนวนมากถึงประมาณ 250 ชุด ซึ่งนอกจากจะมีบริการให้เช่าและมีบริการช่วยใส่ให้ ซึ่งหากออกไปเดินเล่นในเมืองด้วยชุดกิโมโนก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของทางราชการต่างๆ เช่น ปราสาทคิทซึกิ และบ้านซามูไรโอฮาระเท เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะได้รับบัตรลดราคาร้านอาหารในเมืองหรือของขวัญเล็กๆน้อยๆเป็นบริการพิเศษอีกด้วย

วิวจากยอดเขาที่สูงมาก แถมยังหนาวสุดๆ เพราะวันที่เราไปเที่ยวหิมะตกอีกตะหาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ ลุยต่อ!! วิธีเดินทางเราขึ้นรถบัสจากป้ายรถบัส ใต้สถานี รถไฟKokura ตรงนั้นจะมีตู้จำหน่ายตั๋วรถบัสอยู่ ให้ลองสอบถามคนจำหน่ายตั๋ว เค้าจะชี้บอกสายรถประจำทางให้ค่ะ ตัวรถบัสจะมาส่งถึงป้ายรถเมล์ที่เป็นทางขึ้นกระเช้าเลยค่ะ เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงสถานีกระเช้าเลย อากาศดีมากๆ บนยอดเขา ลมแรงมาก หนาวจัง แต่วิวสวยมาก บางคนแนะนำให้มากลางคืนจะเห็นวิวเมืองเป็นไฟระยิบระยับไปหมด

หลังจากเที่ยวชมรอบๆปราสาทคุมาโมโต้แล้ว อย่าลืมแวะร้านของที่ระลึกภายในบริเวณปราสาทนะคะ คือแบบว่าแทบล้มละลายเลย มีแต่ของน่ารักละลานตาไปหมด ตั้งแต่เข็มกลัด ปากกา กระเป๋า ตุ๊กตา ไปจนถึงขนมต่างๆที่มีรูปน่ารักๆของเจ้าหมีคุมะมง อยู่บนสินค้านั้นๆ คือเดินวนอยู่ในร้านเกือบ 2 ชั่วโมง …บ้าไปแล้ววว ^^

ปิดทุกวัน 9.30 – 17.30 น. ค่าเข้า 450 เยน สวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่มากกกก ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองฟุกุโอกะมากนัก ขับรถประมาณ 30 นาที ช่วงที่ไปมีสวนดอกเนโมฟิลา ดอกสีฟ้าเต็มไปหมดเลย นอกจากดอกไม้แล้วยังมีสวนสนุกเล็กๆ ให้เด็กเล่นด้วย หรือจะเช่าจักรยานปั่นก็ได้

รายละเอียดฤดูดอกไม้ตลอดทั้งปีได้จาก Website นี้เลย มีภาษาไทยด้วยนะ https://uminaka-park.jp/thai/

สวนดอกวิสทีเรียสีม่วงสดใส สวยงามมากกก ที่สวนนี้จะมีแต่ดอก Wisteria อย่างเดียว เพราะงั้นสวนจึงเปิดแค่ช่วงที่ดอกม่วงนี้บานเท่านั้น ปี 2019 เปิดช่วง 20 เม.ย. – 6 พ.ค.19 และต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ไม่มีขายหน้างาน

สำหรับคนที่สนใจเช็คข้อมูลวันเปิด – ปิด ได้ตามลิ้งนี้เลย https://kawachi-fujien.com

วัดที่มีพระอาทิตย์ตกสวยวัดหนึ่ง โดยจะเรียกกันว่า Path of Light หรือ ทางของแสง แต่ แต่ แต่ . . . เรามาช้าไปนิดนึง พระอาทิตย์ตกไปแล้วววว เสียดายมาก ต้องกลับไปแก้ตัวให้

จุดเดินเล่นชมวิวทะเลสาบ Kirin ซึ่งน้ำในทะเลสาบเป็นน้ำที่มาจากน้ำพุร้อน น้ำในทะเลสาบจึง ใสไหลเย็นเห็นตัวปลา แหวกว่ายประทุมมาอยู่ไหวไหว

ทุ่งหญ้า Kusasenri ตั้งอยู่ที่ใกล้ๆกับปากปล่องภูเขาไฟ Aso Mount จะมีบึงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย และยังมีม้าให้บริการขี่ชมวิวด้วย (มีเจ้าหน้าที่จูง) จุดนี้สามารถเห็นปล่องภูเขาไฟชัดมาก เป็นควันขึ้นมาเลย

วันที่ไปขึ้นไปปากปล่องไม่ได้เนื่องจากปริมาณก๊าซสูงเกินไป เลยได้แต่ถ่ายรูปจากที่ไกลๆ เศร้าเลยจ้าา

สามารถเช็คว่าเปิด – ปิด ได้จากเว็บนี้ https://www.kyusanko.co.jp/aso/lang_en/

เมืองออนเซ็นที่อยู่ในธรรมชาติ ติดอันดับเมืองออนเซ็นในญี่ปุ่นแทบจะตลอด สายออนเซ็นไม่ควรพลาด เรียวกังที่อยู่ที่นี่จะมีความเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น รวมกับธรรมชาติที่เงียบสงบ และเสียงสายน้ำไหล สามารถใส่ชุดยูกาตะ เดินเล่ยชิลๆได้ทั้งวัน บรรยากาศดีมาก คนไม่เยอะ สำหรับคนทีอยากลองออนเซ็น แต่ไม่อยากนอนที่นี่ เขาจะมีบริการคูปองแช่ออนเซ็น ราคาประมาณ 1,200 เยน สามารถเข้าไปแช่ออนเซ็นในเรียวกังที่เข้าร่วมได้ 3 ที่จากทั้งหมด 20 กว่าที่

หุบเขา Takachiho เป็นหุบเขาที่มีลักษณะของชั้นหินที่แปลกตา และยังมีน้ำตก Manai ที่สวยงามตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา และไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ที่การพายเรือในน้ำสีฟ้าใส ผ่านช่องแคบระหว่างหุบเขาเพื่อเข้าไปชมน้ำตก Manai ใกล้ๆ สวยมาก นอกจากสวยแล้วคนพายยังเหนื่อยมากกก 555 แต่ที่นี่เป็นที่ที่เราชอบมากเลย

การพายเรือ ค่าเช่าเรืออยู่ที่ 2,000 เยน ต่อ 30 นาที สามารถขึ้นเรือได้ไม่เกิน 3 คน

เวลาทำการ 6.00 – 22.00 น. ปิดทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน ระหว่างทางจะไป Saga ขับรถมาเมื่อยๆ เลยแวะ แช่ออนเซ็นเบาๆ ที่ Ureshino เมืองออนเซ็นเล็กๆ ออนเซ้นที่นี่มีสรรพคุณ ช่วยลดอาการปวดหลัง โรคไขข้อ และช่วยบำรุงผิวด้วย ราคาไม่แพงด้วยนะ ห้องรวม 420 เยนต่อคน หรือมาเป็นหมู่คณะเกิน 10 คน 350 เยน ต่อคน ถ้าเป็นห้องส่วนตัว 2,100 เยน ต่อ 50 นาที ถ้าไม่อยากเสียเงินในเมือง Ureshino ยังมีออนเซ็นให้เราแช่เท้าฟรีๆ ด้วยน้าา

ถ้ำ Nanatsugama เป็นถ้ำที่เกิดจาก คลื่นน้ำทะัเลกัดกร่อนจนเป็นรูปร่างที่แปลกตา โดยสามารถนั่งเรือจากท่าเรือ Yobuko เสียค่าบริการคนละ 1,800 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รอบเรือสามารถดูได้จากลิ้งนี้เลย http://www.marinepal-yobuko.co.jp/ikamaru.html หรือถ้าใครพาลูกหลานไปเที่ยว ที่ท่าเรือ Yobuko ยังมีการให้บริการเรือที่มีท้องเรือสามารถชมใต้ทะเลได้อีกด้วย รายละเอียดตามลิ้งเลยนะ http://www.marinepal-yobuko.co.jp/zeela.html

วัดนี้มีพระพุทธรูปไม้ท่านั่งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เราก้พยายามเดินหาว่ามันอยุตรงไหน หลังจากเดินวนหาแทบทุกซอกทุกมุม สรุปตั้งอยุชั้นสองขรับ (ของใหญ่ๆยังอุดส่ายกไปไว้ชั้นบน อมยิ้ม20) ขึ้นไปถึงจะมีป้ายบอกให้จ่ายค่าเข้าชม 50 เยน (โอเคไหนๆก้มาถึงตรงนี้ละ 15 บาทจ่ายๆไป) ซึ่งบอกเลยว่าคุ้มค่า 50 เยนมาก บรรยากาศในห้องและพระพุทธรูปรุสึกขลังมากๆ ใครมีเวลาก้ลองแวะไปชมกันได้นะ

ศาลเจ้านี้ดูเหมือนจะให้พรด้านการงาน เราก้เลยไปต่อคิวขอพรเรื่องการงานซะหน่อย ระหว่างต่อคิวก้พยายามดูว่าคนญี่ปุ่นเค้าขอพรกันยังไงนะ โอ้โหจะขั้นตอนเยอะไปไหนเนี่ย มีทั้งสั่นกระดิ่ง โยนเหรียญ โค้ง ปรบมือ เยอะแยะไปหมด (หวังว่าที่ทำไปจะถูกนะ 555)

Acros Fukuoka ชื่อเต็มๆว่า Asian Cross-Road Over the Sea – Fukuoka เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนศิลปะวัฒนธรรม ตัวอาคารถูกออกแบบเป็นขั้นบันได และปกคลุมด้วยพื้นที่สีเขียวเป็นแบบ Step garden