12 ที่เที่ยวจิบชา แชะ! ชมวิวฟูจิซัง ณ Shizuoka ที่ชาว Pantip กระซิบบอกว่าห้ามพลาด!

ที่เเรกที่จะไปคือ ศาลเจ้า Fujisan Hongu Sengen Taisha Shrine ครับ ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10-15 นาทีจากสถานีครับ ระหว่างทางเดินชมฟูจิซังเพลินๆมากบวกกับอากาศเย็นๆ สบายมากครับ ใช้เวลาเดินมาสักพักก็ถึงเเล้วครับศาลเจ้าของเรา วิวฟูจิซังสวยมากมากๆครับ ภายในศาลเจ้ามีต้นซากุระด้วยนะครับ บานสวยงามมากๆครับ

นั่งรถประมาณ 45 นาทีก็ถึง ทะเลสาบทานูกิ (Lake Tanuki) เเล้วครับ ทะเลสาปกว้างมากครับถ้าใครมีเวลาเยอะเเนะนำให้เดินรอบทะเลสาบครับ มีจุดถ่ายภาพสวยเยอะมากๆครับ ปล.มีที่ให้เช่าจักรยานด้วยนะครับ อยู่ใกล้ๆกับที่ตั้งเเคมป์

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1616 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ท่านเป็นผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นรวมทั้งยังสถาปนารัฐบาลทหาร (bakufu) ขึ้นที่เมือง Edo (Tokyoในปัจจุบัน) อันเป็นจุดเริ่มต้นของยุค Edo ในปีค.ศ.1603  ต่อมาในปีค.ศ.1605 ท่านส่งต่อตำแหน่งโชกุนให้กับบุตรชายและหลบไปวางแผนการอยู่หลังฉากที่เมือง Suruga (Shizuokaในปัจจุบัน) เพื่อสั่งสมอำนาจและความมั่นคงให้กับตระกูลของตนก่อนถึงแก่อสัญกรรมลงไปในปีค.ศ.1616 เนื่องด้วยท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ได้ทำพินัยกรรมเลือกศาลเจ้า Kunozan Toshogu ให้เป็นสถานที่สุดท้ายที่ท่านจะพักหลับใหลชั่วนิรันดร์ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงบรรจุอัฐิของโชกุน Tokugawa Ieyasu และเชื่อว่ามีวิญญาณของท่านสถิตอยู่

ศาลเจ้า Kunozan Toshogu นี้ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น. (ยกเว้นเดือน ต.ค.-มี.ค. เปิดถึง 16.00 น.) ค่าเข้าชม 500 เยน (เฉพาะศาลเจ้า) ถ้าชม Museum ด้านในด้วย ราคา 800 เยน

Miho Beach เป็นคาบสมุทรที่อื่นออกไปในอ่าว Suruga ทอดตัวยาวประมาณ 3 กม. ตามแนวชายฝั่งทิศตะวันออกของคาบสมุทร ชายหาดนี้เป็นหาดทราย + หิน ทรายจะสีออกดำๆ ด่าง และไม่ละเอียดเหมือนทรายปกติ ริมชายหาดมีต้นสนเก่าแก่ อายุกว่า 650 ปี เรียงรายกันอย่างสวยงาม และที่นี่ก็ถือเป็นจุดชมวิว Fujisan อีกจุดหนึ่งที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายที่เราโชคไม่ดี ฟ้าขมุกขมัวมีเมฆหมอก ทำให้เห็น Fujisan แบบเลือนรางได้แวบนึง

พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟฟูจิ เวิร์ลเฮอร์ริเทจเซ็นเตอร์ เป็นแหล่งรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความเป็นมา วัฒนธรรมต่างๆ ของภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Fujinomiya ไม่ไกลจากศาลเจ้า Fujisan Hongū Sengen Taisha สามารถเดินถึงกันได้ค่ะ ความสวยงามโดดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ สถาปัตยกรรมของอาคารที่มีความทันสมัย ถูกออกแบบให้มีรูปทรงเลียนแบบภูเขาไฟฟูจิแบบกลับหัว ด้านหน้าอาคารมีพื้นน้ำที่สามารถสะท้อนวิวอาคารกลับหัวให้เหมือนภูเขาไฟฟูจิ  ตัวอาคารตกแต่งด้วยงานไม้ที่มาจากเชิงภูเขาไฟฟูจิ สื่อออกมาสไตล์ญี่ปุ่น เป็นความโมเดิร์นผสมคลาสสิคที่ลงตัว ด้านหน้ามีเสาโทริอิสีแดงสดตั้งตระหง่าน และมุมเดียวกันนี้ เราสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิของจริงได้ด้วยค่ะ ถ้าวันไหนอากาศดีๆ เราก็สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจินี้สะท้อนน้ำได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องมาเวลาที่แดดยังไม่แรงมากนะคะ เพราะอย่างวันที่ “พี่หยอด” ไปแดดแรงก็จะไม่ค่อยเห็นล่ะ ภายในอาคารเป็นที่จัดแสดงเรื่องราวของภูเขาไฟฟูจิ มีทั้งหมด 6 ชั้นค่ะ ชั้นบนสุดสามารถมองเห็นวิวพาโนราม่า ของภูเขาไฟฟูจิและเมือง Fujinomiya แบบไม่มีอะไรบดบัง ค่าเข้าชมคนละ 300 JPY

จุดนี้คือจุดชมวิวช่วงฤดูกาลซากุระเบ่งบานที่สวยงามมากๆ จุดหนึ่งของ Shizuoka ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน เป็นที่นิยมมากๆๆๆๆ ในหมู่ช่างภาพทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า การเดินทางไปยังพิกัดนี้อาจจะยากนิดนึง เพราะไม่มีรถสาธารณะผ่าน ถ้าเช่ารถขับไปได้จะสะดวกกว่าค่ะ สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ JR Iriyamase Station (Minobu Line) Sakura spot นี้ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆที่ชื่อว่า Fuji ออกจากนอกเมือง Fujinomiya ไปแค่ประมาณ 15-20 นาที บริเวณโดยรอบจะเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานต่างๆ โดยมุมมหาชนนี้ ถ่ายจากสะพานเล็กๆที่ชื่อว่า Ryuganbuchi Bridge เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Urui ฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ จะเป็นแนวต้น Sakura ที่โน้มลงมา และอีกฝั่งเป็นตลิ่งเล็กๆ ที่เราสามารถเดินลงไปที่แม่น้ำได้ค่ะ แต่ตอนขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานก็ต้องระมัดระวังหน่อยนะคะ เพราะเป็นสะพานเลนเดียวเล็กๆ ที่รถสามารถสวนได้ไปมาทั้ง 2 ฝั่งสลับกันไป

ที่หมายต่อมา เรายิงยาวออกออกนอกเมือง Fujinomiya ออกที่แถบเชิงภูเขาไฟฟูจิกันค่ะ มาเที่ยวฟาร์มกันบ้างดีกว่า ซึ่งบริเวณนี้มีฟาร์มมากมายค่ะ วิวแถวนี้คือเห็นภูเขาไฟฟูจิเต็มๆ อยู่แล้วค่ะถ้าอากาศดี ที่ Makaino Farm เหมาะสำหรับท่องเที่ยวแบบครอบครัว พาเด็กๆมาดูสัตว์ มาทำกิจกรรม workshop เดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆ เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 1,000 JPY และ เด็กคนละ 600 JPY ภายในฟาร์มแบ่งเป็นหลากหลายโซน อาทิ

– Horse Riding Corner 🐎 มุมขี่ม้าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก มีเจ้าหน้าที่คอยให้การดูแล – Sheep Racing Show 🐏 โชว์น้องแกะตัวใหญ่ๆ ขนฟูๆ

– Cow Milking 🐄 โชว์รีดนมวัว

– Petting Farm 🐇 ฟาร์มน้องกระต่าย แต่ที่เป็นไฮไลต์ของ Makaino Farm ก็คือ “Paddock of Sheep” หรือคอกน้องแกะที่อยู่บนเนินเขาค่ะ เพราะจากจุดนี้เราสามารถเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน เดินเล่นกับน้องแกะและมีวิวนี้อยู่เบื้องหน้าคือดีงามค่ะ และหากใครมาถึงฟาร์มนี้แล้วได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ขอแนะนำให้มาลอง BBQ Set เนื้อวัว จากฟาร์มนี้ค่ะ นุ่มอร่อยมากมาย

ที่ราบสูง Asagiri หรือ Asagiri Kōgen ตรงนี้ถือว่าเป็น unseen spot ของภูเขาไฟฟูจิเลยก็ว่าได้ค่ะ ตั้งอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาไฟฟูจิ จากมุมนี้เราจะได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่มีฉากหน้าเป็นฟาร์มวัวขนาดใหญ่ กว้างไปไกลสุดลูกหูลูกตา เป็น landscape ภูเขาไฟฟูจิที่แปลกตา และสวยไปอีกแบบค่ะ แต่ข้อจำกัดของพื้นที่นี้ก็คือ อยู่ติดริมถนนเลยค่ะ การเดินทางไปค่อนข้างลำบากคือต้องขับรถไปสถานเดียวเลย ไม่มีที่จอดรถ แต่ก็ใช้จอดแปะริมถนนเอาแบบแป๊บๆ แล้ววิ่งลงไปถ่ายรูป แต่ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะเราจะมีเพื่อนจอดลงไปถ่ายรูปด้วยเยอะมาก !!

การเดินทางมาไร่ชา Obuchi Sasaba ยากลำบากอีกเช่นกันค่ะ 555 แนะนำว่าควรขับรถมาจะสะดวกสุด เพราะเป็นพื้นที่บนเขาที่มีบ้านเรือนอยู่เต็มไปหมด สลับกับไร่ขนาดเล็กใหญ่มากมาย ถนนทางขึ้นก็ค่อนข้างแคบและซับซ้อน แต่สงสัยว่าแต้มบุญทั้งหมดที่มีจะถูกใช้ไปหมดแล้ว กับการได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มๆ มาทั้งวัน ทำให้เมื่อ “พี่หยอด” มาถึงที่ไรชาแห่งนี้ในช่วงบ่ายๆ มีก้อนเมฆขนาดใหญ่มาบดบังฟูจิไปเต็มๆ (ทั้งๆที่อากาศโปร่งใส 555) ก็เลยได้มาแต่ภาพไร่ชาขั้นบันไดที่ไร้ซึ่งภูเขาไฟฟูจิค่ะ

อาตามิ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งออนเซ็นของจังหวัดชิซึโอกะ ในแถบนี้จะมีเรียวกังติดทะเลซึ่งมีออนเซ็นให้แช่อยู่เรียงราย แต่เราแวะมาเมืองอาตามิด้วยจุดประสงค์เดียวคือดูถนนสายซากุระเย็นหรือซากุระหน้าหนาว ซึ่งซากุระที่นี่จะบานเร็วกว่าคาวาซุ (Kawazu) อีกนะ ฉะนั้นช่วงที่เราไปคือประมาณปลายเดือนมกราคม ก็มีซากุระบลูมๆ ให้ชมแล้ว ที่สำคัญยังอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเลย สามารถนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวโดยใช้เวลาแค่ 39 นาทีเท่านั้น!