- 1. ชาว Pantip บอก ขับ Grab กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
- 1.1. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 1. สถานะคนขับ Grab คือ Partner
- 1.2. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 2. ลูกค้าคือผู้ให้เงิน
- 1.3. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 3. ในทางกฎหมายการขับ Grab ยังไม่ถูกกฎหมาย
- 1.4. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 4. รายได้จาก Grab ยังไงก็ได้อยู่ดี
- 1.5. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 5. Grab เป็นระบบเหมาจ่าย
- 1.6. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 6. ปัญหาที่เกิดจากผู้โดยสาร คนขับรับเอง
- 1.7. ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab ปัญหากับแอพ
- 1.8. ชาว Pantip ขอสรุปสิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab ไว้ว่า
- 2. สรุปสุดท้าย : ชาว Pantip อยากให้คิดถึงสิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab เพื่อประโยชน์ของคุณเอง
ชาว Pantip บอก ขับ Grab กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
สำหรับใครที่มองหาอาชีพเสริมหรือรายได้เสริม มีเครื่องมือและอุปกรณ์เป็นรถของตัวเองอยู่แล้วก็คงอยากจะขับ Grab เพราะเพียงแค่คิดว่ามีรถยนต์ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือหาเงินได้ง่าย สมัครได้ง่ายและคนรู้จักกว้างขวางมีลูกค้าเยอะ เดี๋ยวนี้เปิดให้บริการหลายจังหวัดแล้ว แถมยังมีบริการการจัดส่งของได้อีก แต่รู้ไหมว่าก่อนที่คุณจะเลือก งานบริการแบบนี้มีอะไรบ้างที่คุณต้องคิดถึง ชาว Pantip ที่มีประสบการณ์การขับ Grab อยากจะมาแนะนำตามมาอ่านเลย
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 1. สถานะคนขับ Grab คือ Partner
อย่างแรก การเป็นคนขับ Grab ไม่ได้มีสถานะเป็น ลูกจ้าง ของทางบริษัท ในทางหนึ่ง สถานะดูดี เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ แต่อีกมุมหนึ่ง คือ คุณไม่มีข้อผูกมัดกับทางธุรกิจ ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีการคุ้มครอง ไม่มีการเรียกร้อง หรือรับฟังเท่าที่ควร ทาง Grab สามารถที่จะตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบได้ โดยไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดใดได้เลย
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 2. ลูกค้าคือผู้ให้เงิน
ดังนั้นลูกค้าจึงสำคัญกว่าเสมอ ก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ที่คนให้เงินย่อมสำคัญ ลูกค้าคือพระเจ้า เป็นคำที่ผมไม่ชอบแต่ต้องยอมรับว่า ในทางหนึ่งมันมีความจริง จากที่เจอเพื่อนสมาชิกบ่นถึง คือ ทางระบบฟังแต่ทางลูกค้าข้างเดียว ไม่รับฟังในมุมของ Partner เลยแม้แต่น้อย
ยกตัวอย่าง
ลูกค้า เรียกรถด้วยจำนวนคนที่มากจนไม่สามารถขึ้นรถได้ ลูกค้า Complain คนขับโดนตัดคะแนน ลูกค้า ระบุจุดรับ หรือ จุดส่งผิดไปจากที่ต้องการจริง ถ้าคนขับจะไม่ทำตามลูกค้าบอก ลูกค้าประเมินคะแนนตัดคะแนนคนขับได้ ลูกค้า เรียกรถแล้วลูกค้ายกเลิก ระบบตัดคะแนนคนขับ
ซึ่งในความเป็นจริง ลูกค้าหลายราย หัวหมอ จนนำมาซึ่งปัญหา
เช่น ลูกค้า 1 กลุ่ม เรียก Grab พร้อมกัน อย่างน้อย 2-3 เครื่อง มีคนรับทั้งหมด ก็รอจนคันแรกมาถึง แล้วยกเลิกคันที่เหลือ กรณีนี้ คันที่เหลือกำลังขับรถไปรับ ต้องเสียค่าน้ำมันฟรี และถูกตัดคะแนนคนขับด้วย
ลูกค้าระบุจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ระบุพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อระบบคำนวนค่าเดินทาง จะคำนวนจากระยะทางที่ระบุไว้ ซึ่งไม่ตรงกับสถานที่จริง เช่น เรียกลงหน้าปากซอย แต่ให้ไปส่งในซอยลึกเข้าไปอีกหลายกิโลเมตร ถ้าคนขับจะไม่ไปส่งต่อ ในทางระบบถือว่าทำได้ แต่ถ้าลูกค้าประเมินคะแนน ก็โดนตัดคะแนนไป หรือ ถ้ายอมไปส่งตามที่ลูกค้าบอก ไม่สามารถเก็บค่าโดยสารเพิ่มได้ ถ้าเก็บเพิ่มเอง ลูกค้าอาจแจ้ง Call Center คนขับอาจถูกพักงานได้ และในทางจริง ถ้าจุดส่งจริงกับในระบบไม่ตรงกัน ระบบอาจแจ้งว่าส่งผู้โดยสารผิดจุด อาจถูกพักงานได้
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 3. ในทางกฎหมายการขับ Grab ยังไม่ถูกกฎหมาย
ถ้าหากมีปัญหากับทางตำรวจ ขึ้นมาทาง Grab ไม่มีมาตรการรองรับความเสียหายในส่วนนี้เลยแม้แต่น้อย คนขับจ่ายค่าปรับเอง ไม่สามารถเรียกร้องอะไรจาก Grab ได้เลย หรือแม้แต่ถูกวินมอเตอร์ไซต์ หรือ Taxi ทำร้าย ก็ต้องดำเนินการเอง ไม่มีการช่วยเหลือใดใด และในกรณีคนใช้บริการทำผิดกฎหมาย เช่น ขนสิ่งเสพติด คนขับก็จะโดนไปด้วย เพราะไม่มีการรองรับโดยกฎหมาย
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 4. รายได้จาก Grab ยังไงก็ได้อยู่ดี
หลายคนคงสงสัย หากจ่ายเงินสด บริษัทจะได้รายได้จากทางไหน คือ การขับ Grab สิ่งที่เจอ คือ ต้องเติมเงินเข้าไปในระบบ เรียกว่า Credit ถ้าหากมีการขับ ลูกค้าเรียก ระบบจะหักออกจากส่วนนี้ มากน้อยขึ้นอยู่กับประเภทการบริการ
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 5. Grab เป็นระบบเหมาจ่าย
สิ่งที่ Grab ต่างจาก Taxi คือ ราคาที่แจ้งแต่ต้น โดยราคาจะคำนวนจากระบบไม่ใช่ต้นทุนจริง
ยกตัวอย่าง
คนขับอยู่จุด A ลูกค้าเรียกจากจุด B ไปส่งที่จุด C ราคาจะคำนวนแค่ B->C เท่านั้น จาก A->B ไม่ถูกนำมาคิด ซึ่งหลายครั้งที่ระยะทางจาก A->B ไกลกว่า B->C เสียอีก
หรือ ระบบคำนวนว่าสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายได้เพียง 2 กิโลเมตร แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถ เพราะถนนเป็นทางรถเมล์ ช่องทางรถสาธารณะ ถ้าขับไปก็ถูกจับ หรือ ระบบคำนวนโดยอิงจากการเดินทางด้วย ทางด่วน แต่ลูกค้าขอไม่ขึ้น ค่าโดยสารก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ในบางครั้งถ้าไปด้วยทางด่วน 10 นาทีถึง แต่ถ้าวิ่งด้านล่างอาจใช้เวลา 40 นาทีก็เป็นได้ หลายครั้งที่คนขับต้องยอมจ่ายเอง และเรียกจากผู้โดยสารไม่ได้
รวมถึง ฝนตกรถติด ก็ตาม ในระบบมีอยู่ที่จะคิดจากสภาพการจราจร แต่ระบบก็ไม่อาจเทียบของจริง ระบบอาจขึ้นแค่ 15 นาที แต่ขับจริง 1.15 ชั่วโมง ก็เป็นไป ถ้าเป็น Taxi ค่าโดยสารก็ขึ้นตามระยะที่รถติด แต่ Grab ไม่ใช่ จึงเป็นสาเหตุว่า ผู้โดยสารหลายคนคิดว่า Grab ถูก
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab 6. ปัญหาที่เกิดจากผู้โดยสาร คนขับรับเอง
ไม่ว่าจะเป็นการเมา อ้วก อาละวาด ทำสกปรก หรือแม้แต่การไม่ชำระค่าโดยสาร ทางระบบไม่สามารถจัดการอะไรให้ได้ ขนาดที่ข้อมูลลูกค้าชัดเจน ว่าไม่ชำระเงิน ระบบก็ไม่สามารถทวงได้ ต้องยอมรับสภาพกันไป สมมติผู้โดยสารลืมของไว้ในรถ คนขับขับกลับไปคืนให้ ก็ไม่สามารถเรียกค่าน้ำมัน ถ้าผู้โดยสารไม่ให้ได้ คือ ขับฟรีไป
พี่ที่งานก็ทำงานวัน/เวลาราชการตามปกติ หลังเลิกงาน+วันหยุดก็วิ่ง grab ส่งอาหาร รายก็ดีนะผมว่า พวกงาน grab เหมาะทำเป็นชั่วคราวมากกว่า
รถติดนี่เเหละคือปัญหา ไทยเราไม่สะดวกสบายขนาดรถไฟฟ้าวิ่งทั่วเมือง หรือประเทศขนาดนั้น
ส่วนเเท็กซี่ จอดตามป้ายรถเมล์อันนี้เห็นบ่อย ก็ต้องเรียกรถที่มาถึงก่อนอยู่เเล้ว
ตปท. มีปัญหานี้เหมือนกัน เเก้โดย ยุบรวมเป็น Grab ให้หมด
“ลูกค้า 1 กลุ่ม เรียก Grab พร้อมกัน อย่างน้อย 2-3 เครื่อง มีคนรับทั้งหมด ก็รอจนคันแรกมาถึง แล้วยกเลิกคันที่เหลือ กรณีนี้ คันที่เหลือกำลังขับรถไปรับ ต้องเสียค่าน้ำมันฟรี และถูกตัดคะแนนคนขับด้วย ”
ต้องหาระบบหรือวิธีมาแก้ตรงจุดนี้ครับ นอกนั้นก็ถือว่าแฟร์ระดับหนึ่ง
[วิเคราะห์โดยชาว Pantip] ขับ Grabbike เป็นอาชีพหลักหรืองานเสริมดี!? รวมทุกข้อมูลน่าสนใจในปี 2022
ชาว Pantip อยากบอก สิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab ปัญหากับแอพ
1. ข้อมูลที่เด้งขึ้น ไม่สามารถรู้ได้จริง ว่าสภาพจริงเป็นเช่นไร เช่น จุดที่เราอยู่ห่างจากจุดรับผู้โดยสารมากขนาดไหน เพราะระบบจะขึ้นหลายรูปแบบ เช่น บ้านเลขที่ ซอย ถนน (มีขึ้นแค่นี้ จะรู้ได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์) หรือบางครั้งขึ้นเป็น จุดหมายที่ปักหมุด … (แล้วมันปักตรงไหนละ เฮ้ย)
2. เมื่อกดรับงานแล้ว ระบบจะมีตัวเลือก Navigater นำทางไปโดยอาศัย Google map แต่ปัญหา คือ Map ไม่ได้ขึ้นแผนที่จริง บางเส้นทางปิด บางเส้นทางเฉพาะรถสาธารณะ เป็นต้น การไปถึงยากมาก
เมื่อถึงจุดรับผู้โดยสารแล้ว จะให้กด ถึงจุดหมาย ซึ่งระบบจะแจ้งไปยัง App ของผู้โดยสาร ว่ามีเวลารอ 5 นาที ถ้าเกินกว่านี้ คนขับสามารถกดยกเลิกงานเนื่องจากรอผู้โดยสารนานเกิน และในกรณีนี้ มีค่ายกเลิกงานด้วย
ชาว Pantip ขอสรุปสิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab ไว้ว่า
พอจะได้แนวคิดสำหรับคนที่อยากทำงานเสริมขับ Grab ไหม ไม่ว่าจะทำเป็นงานเสริมหรืองานประจำก็ต้องคิดถึง เรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับเราอย่างที่ในบทความนี้ได้บอก ในขณะที่ คนอื่น ประสบกับปัญหา และต้องทำใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว เราก็ต้องเข้าใจปัญหาและต้องยอมรับด้วย ชาว Pantip ได้สรุปมาแล้วว่ามีดังนี้
1. เป็นลูกจ้างที่ไม่มีสวัสดิการได้ได้รับการคุ้มครองด้วย เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือต้องการการชดเชยต้องจ่ายด้วยตัวเอง
2. ลูกค้าเป็นผู้จ่ายเงินดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกค้า เป็นอันดับแรก
3. ยังไม่ได้ถูกกฏหมายเต็มที่ มีความเป็นไปได้ที่จะถูกวิน แท็กซี่ทำร้าย
4. ยังไงก็คงมีคนเรียกใช้บริการเพราะเป็นความจำเป็นราคาก็ถูกด้วย
5. เป็นระบบเหมาจ่าย ทำให้เป็นที่ต้องการหรือราคาก็ถูกกว่าแท็กซี่ทั่วไป
6. สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารที่ทำเหตุในรถของเรา ก็ต้องรับไปเต็มๆ
สรุปสุดท้าย : ชาว Pantip อยากให้คิดถึงสิ่งที่ควรคิดถึงก่อนขับ Grab เพื่อประโยชน์ของคุณเอง
ถือว่าเป็นงานเสริม ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับการขับ Grab เพราะดูเหมือนว่าเพียงแค่มีรถยนต์ก็สมัครทำงานได้ แต่ก็ดูเหมือนต้องมีสิ่งที่ต้องระวังไว้หรือคิดถึงก่อนที่จะทำงานนี้ตามที่บทความนี้ได้บอก ถึงแม้ว่างานนี้จะไม่ยากอะไร แต่อย่าลืมว่าเป็นงานบริการที่ต้องเอาใจลูกค้า ถ้าตัวคุณเองเป็นคนใจร้อน หรือว่าเป็นคนขี้รำคาญ คงจะทำงานนี้ได้ยาก แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจและยุคสมัยแบบนี้แนะนำว่างานนี้เป็นงานเสริมที่ดีมากเลยทีเดียว ชาว Pantip จึงอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ขยันทำงานว่างานนี้เป็นงานเสริมที่น่าทำ