ชาว Pantip แนะนำสอบโทอิคให้ได้คะแนนสูงๆปี 2022 ทำอย่างไร? มาดูกัน
เป็นเหมือนหลักฐานที่แสดงถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สอบโทอิค จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากมี ใบรับรองเพื่อที่จะเข้าทำงานและได้เปรียบคนอื่นในเรื่องของภาษา การเข้าสอบเพื่อรับการทดสอบทำอย่างไร ข้อสอบยากไหม จะทำอย่างไรให้ได้คะแนนมากๆ ชาว Pantip อยากจะมาบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้างตามมาอ่านกันเลย
[ชาว Pantip แนะนำ] Resume สมัครงานต้อง สวย ๆ จริงหรือเปล่า!? บทความนี้มีคำตอบ [*ข้อมูลปี 2022]
ชาว Pantip แนะนำสอบโทอิค ขั้นตอนแรกก็คือการจองที่นั่งสอบ
การจองที่นั่งสอบ TOEIC ทำได้สองช่องทาง คือ การโทรเข้าไปจองที่นั่งสอบ โดยเบอร์ติดต่อสำหรับสาขากรุงเทพ คือ 02-260-7061 และ 02-259-3990 และการ Walk-in เข้าไปจองเองที่อาคาร BB Building, ห้อง 1907 ชั้น 19
ส่วนวันเวลาที่เปิดสอบเนี่ย จะเป็นวันจันทร์-เสาร์ แบ่งเป็นสองช่วงคือ ช่วงเช้า เริ่มสอบ 9.00น. และช่วงบ่าย เริ่มสอบ 13.00น. โดยจะมีบางวันเท่านั้นที่จะมีการเปิดสอบรอบพิเศษเป็นช่วงเย็น เริ่มสอบ 16.00น.
โดยปกติแล้วสถานการณ์ของการจองที่นั่งสอบจะเป็นอย่างที่ผมเจอมาหรือไม่ หรือว่าผมดันไปจองช่วงที่คนตั้งใจมาสอบเยอะมากพอดี แต่สิ่งที่ผมเจอก็คือการโทรเข้าไปจองนั้นทำได้ยากมาก เมื่อโทรเข้าไปจะพบกับเสียง Call-Center อัตโนมัติต่าง ๆ มากมาย แล้วก็จะจบด้วยการบอกให้เราต่อเบอร์ไปหา พนักงาน Call-Center โดยให้เลขมา 7 เบอร์ ก็คือ 101-107 เลยครับ สิ่งที่ต้องทำก็คือ กดไล่ไปทีละเบอร์จนกว่าจะติดนั่นแหละ แล้วถึงจะติดก็ต้องลุ้นอีกด้วยนะ ว่าเขาจะรับมั้ย ตอนนั้นเรียกได้ว่าโทรจนท้อเลยครับ นั่งกดอยู่กับแฟนสองคนทีละเบอร์ ๆ
ดังนั้นถ้าประสงค์จะจองที่นั่งสอบผ่านการโทรเข้าไป ผมขอแนะนำให้โทรไปล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์จะดีมากมาก
ชาว Pantip แนะนำสอบโทอิค การเดินทาง และขั้นตอนก่อนเริ่มสอบ
สถานที่สอบ TOEIC สำหรับสาขากรุงเทพคือ อาคาร BB Building ชั้น 19 ครับ อาคารนี้จะตั้งอยู่ที่ถนน อโศกมนตรี โดยอาคารจะตั้งอยู่ด้านขวาของตึกแกรมมี่แบบติดติดกันเลย
เมื่อไปถึงตึกจะพบกับร้าน EVEANDBOY ที่ตั้งอยู่หน้าตึกเลย ไม่ต้องตกใจ เดินเลียบไปทางข้าง ๆ ร้าน EVEANDBOY ตรงเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้าตึกอยู่ด้านขวามือ เดินเข้าไปจะเจอกับพนักงานที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์ ให้บอกเค้าได้เลยครับว่าจะมาสอบ TOEIC เค้าจะกดลิฟท์ชั้น 19 พอขึ้นมาถึงชั้น 19 ก็จะมีป้ายบอกทางไปที่ Center for Professional Assessment ให้เดินตามทางที่ป้ายบอกไปได้เลย
พอมาถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่เชิญให้เราไปลงทะเบียนสอบก่อน ให้เตรียมบัตรปชช. และเงิน 1,500 ไว้แล้วเข้าไปทำตามขั้นตอนที่ทางศูนย์จัดไว้ได้เลยครับ(เช็คให้ดีนะว่ารูปในบัตรดูเหมือนกับหน้าเราในปัจจุบันหรือไม่ เพราะทางศูนย์สอบเค้าดูจะเข้มงวดกับเรื่องนี้มาก หากรูปในบัตรไม่ตรงกับหน้าปัจจุบันให้เตรียมบัตรอื่นที่รูปดูจะใกล้เคียงกว่าไปด้วยนะ)
การลงทะเบียนนี่จะใช้เวลาสักพักนึงเลย โดยเฉพาะถ้ามีผู้สอบมากันเยอะแล้ว เพราะฉะนั้น เพื่อความแน่นอนปลอดภัย ผมแนะนำให้เดินทางไปถึงสถานที่สอบก่อนสัก 1 ชม. ได้จะกำลังดีครับ ทางศูนย์สอบจะให้เราไปลงทะเบียนได้ตั้งแต่เวลา 2 ชม. ก่อนถึงเวลาสอบจนถึงเวลาสอบ เช่น ถ้าไปสอบรอบเช้า เวลาลงทะเบียนก็จะเป็น 7.00น. – 9.00น. ครับ อ้อ สัมภาระทั้งหมด ทางศูนย์สอบไม่ให้เอาเข้าห้องสอบไปเลยนะนอกจากกระเป๋าตังอย่างเดียว โดยทางศูนย์สอบได้เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้สอบไว้ให้ครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องเตรียมอะไรไปเองเลย
เมื่อถึงเวลาสักประมาณ 15 นาทีก่อนถึงเวลาสอบ เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ผู้สอบไปต่อแถวหน้าห้องสอบของตัวเอง แล้วจะค่อย ๆ ปล่อยเข้าห้องสอบทีละคน ก่อนเข้าห้องสอบก็จะมีการตรวจร่างกายอีกครั้งที่หน้าห้องสอบ พอตรวจร่างกายเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งที่นั่งสอบและชี้ตำแหน่งให้ เราก็เดินไปนั่งตามนั้นได้เลย บนโต๊ะสอบจะมี ดินสอ 2 แท่ง ยางลบ 1 ก้อน และปากกา 1 ด้าม เอาไว้ให้ พร้อมกับกระดาษคำตอบ แผ่นพับอธิบายข้อสอบ และเอกสารแนะนำวิธีการฝนข้อมูลลงในกระดาษคำตอบ หากเราเข้าไปในห้องสอบก่อนถึงเวลาสอบ ก็จะมีเพลงน่ารัก ๆ เปิดคลอไปให้ฟังสลับกับเสียงคำบรรยายรายละเอียดข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะฟังง่ายกว่าเสียงในข้อสอบมากมาก
[ชาว Pantip แนะนำ] สมัครงานผ่าน Jobsdb ดีไหม!? ได้งานจริงหรือเปล่า!? รวมช้อมูลน่ารู้ *ในปี 2022
ชาว Pantip แนะนำสอบโทอิคให้ได้คะแนนสูงๆทำอย่างไร?
1. ไปหาหนังสือ toeic มาสักเล่ม ซึ่งทางเราเลือกเล่ม toeic complete guide book ฉบับข้อสอบใหม่ 500 ข้อ ของผู้แต่ง เพ็ญใจ สินเสมอสุข โดยในเล่มก็จะมีอธิบายสรุปว่าแต่ละพาร์ทเป็นยังไง มีข้อสอบย่อยๆของแต่ละพาร์ทให้เราทำก่อน เราก็อ่านทำความเข้าใจแล้วก็ทำข้อสอบแต่ละพาร์ทไปก่อน ยังไม่ต้องจับเวลาอะไร ดูก่อนว่าเข้าใจแนวการทำข้อสอบไหม ซึ่งเราว่าเล่มนี้ที่ชอบคือส่วนของ grammar ก็จะอธิบายแต่ละเรื่องไป ถ้าค่อนข้างมีพื้นฐาน grammar อยู่แล้วก็อ่านแค่ผ่านๆพอ แต่ใครที่ไม่แม่น grammar ก็อ่านละเอียดๆไปเลยได้
2. ต่อมาจะเข้าสู่ขั้นตอนตะลุยโจทย์ ก่อนอื่นเราหาในกูเกิ้ล พบว่าแบบทดสอบของ oxford คือแบบทดสอบที่มีแต่คนบอกว่าใกล้เคียงข้อสอบจริงที่สุด ทางเราจึงทำการดาวน์โหลดมาทำซะ ของ oxford จะมี 2 ชุด ก็ทำไป เราโหลดมาจากเว็บนี้ http://freetoeicexam.blogspot.com/2017/02/toeic-download-1.html ซึ่งมีด้วยกันหลายเล่มให้โหลดเลย แต่ทางเราขี้เกียจ เลยทำแค่ของ oxford ใครขยันอยากฝึกอีกก็โหลดเล่มอื่นมาทำให้หมดเลยก็ได้น้า
อันนี้สำคัญ หัวใจของการฝึกฝนทำข้อสอบ คือ
1. ทุกครั้งที่เฉลย ดูเสมอว่าข้อไหนผิด ทำไมถึงผิด เรียนรู้ไป อย่าเครียด คิดซะว่าผิดเป็นครู ครั้งหน้าเราจะไม่ผิดซ้ำอีก**
2. ข้อที่ไม่มั่นใจ แต่เดาถูก ก็ต้องรู้ด้วยว่าทำไมถึงตอบตามที่เราเดา ดังนั้นทุกครั้งที่ข้อไหนไม่แน่ใจ เราจะวงเอาไว้ พอตอนเฉลยก็จะดูข้อพวกนี้ด้วย เพราะการเดาถูก = แค่ดวงดี แต่เราไม่ได้ทำได้จริงๆ ก็ต้องเรียนรู้ข้อพวกนี้ด้วย
3.ต่อมาเราจะตะลุยโจทย์อย่างต่อเนื่อง แต่จะตะลุยโจทย์จากข้อสอบในยูทูป เนื่องจากข้อสอบในยูทูปค่อนข้างอัพเดทใหม่ และอัพเดทเยอะมากๆอย่างต่อเนื่อง channel ที่เราแนะนำ ในพาร์ท listening จะแนะนำ Nguyen Minh Hoang ที่สุด เนื่องจากคลิปส่วนใหญ่มี transcript ให้ด้วยว่าในเทปพูดอะไรบ้าง แล้วก็มีเฉลยให้ แต่จะมีแค่พาร์ท listening ไม่มี reading ส่วนพาร์ท listening+reading จะแนะนำ Thanh Nguyen กับ happy life English คือมีทั้งสองพาร์ทเสมือนข้อสอบจริงเลย มีเฉลยให้ แต่ข้อเสียคือพาร์ท listening ไม่มี transcript ให้ อย่างไรก็ตามสำเนียงของพาร์ท listening ของ 3 channel นี้ค่อนข้างเหมือนสำเนียงจริงในข้อสอบเลยนะ
นส่วนของการตะลุยโจทย์ก็คือแล้วแต่คนเลยว่าจะทำทั้งหมดกี่ชุด ถ้าทำจนรู้สึกว่าพร้อมแล้วก็ไปสอบ อย่างเราขั้นตอนนี้ใช้เวลาทำวันละชุด ทั้งหมดประมาณ 5 วัน รวมเป็นทำไปประมาณ 5 ชุดได้ (ไม่รวม oxford 2 ชุดนั้นนะ) พอทำได้คะแนนเกินเป้าหมายเกิน 3 ชุด เราก็รู้สึกว่าพร้อมแล้ว ไปสอบได้! ใครที่ใช้เวลาตรงนี้นานก็ไม่ต้องท้อนะ ใจเย็นๆ ขยันทำไปเรื่อยๆ
สอบครั้งแรกทำ part reading ไม่ยากแต่ไม่ทันทำไปได้ 20 ข้อกว่าๆ เองเสียใจเตรียมตัวไม่ดีต้องฝึกอ่านก่อนไปสอบมากๆ จะได้รู้แนวว่าจะออกประมาณไหน ดูแต่ละข้อแล้วยังไงก็อ่านไม่ทันจะเยอะไปไหนตัวก็เล็กอีก
ของผมตอนไปสอบรอบแรก ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยครับ โดยเฉพาะการฟัง ไม่ได้เลย แบบว่า “มันพูดอะไรของมันวะ” ตอนสอบก็ verb to dao แทบจะล้วนๆ ไปสอบได้ 305 คะแนน
จากนั้นผมหาทางติวเต็มที่ ซื้อหนังสือ toeic มาอ่าน หลายๆ เล่ม คละกันไป พร้อมทั้งใช้แอพ toeic แบบเสียเงิน 6 เดือนต่อมาไปสอบได้ 835 คะแนน ตรง reading ได้ไป 480 เลย ส่วน listening ได้ 355
นี่สอบครั้งแรกได้ 825 คะแนน ได้พาร์ท Listening เยอะกว่า Reading Listening ได้ 430 ส่วน Reading ได้ 395
ส่วนตัวไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ แต่ใช้สื่อสารทุกวันเพราะต้องคุยกับญี่ปุ่น สิงคโปร์และฟิลิปปินส์
แต่พอเจอฝรั่ง ปรับหูไม่ทัน ฟังไม่ออกซะงั้น
ชาว Pantip ขอสรุปสอบโทอิคให้ได้คะแนนสูงๆต้องทำดังนี้
พอจะได้เข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการติดต่อเพื่อจะเข้าสอบโทอิคได้บ้างแล้วหรือยัง สำหรับใครที่กำลังเรียนหรือว่าทำงานแล้วแต่อยากจะมี ใบรับรองสำหรับภาษาอังกฤษ ก็คงจะคิดถึงการเข้าสอบโทอิค เพื่อที่จะประเมินภาษาอังกฤษของตัวเอง เมื่อรู้แล้วว่าจะไปสอบได้ที่ไหน แต่ก็ต้องรู้ตัวการเตรียมตัวสำหรับการทำคะแนนด้วย ซึ่งชาว Pantip ได้รวบรวมมาแล้วเป็นข้อดังนี้
1. อ่านหนังสือสอบ เลือกเล่ม toeic complete guide book ฉบับข้อสอบใหม่ 500 ข้อ ก็ได้มาอ่านก่อน
2. เริ่มทำการตะลุยโจทย์ ข้อสอบ หาแบบข้อสอบในกูเกิลเพื่อมาทำการทดสอบดู แบบข้อสอบจากยูทูปจะมีการอัปเดตอยู่เสมอจะเป็นแบบใหม่ๆ
3. ลองกำหนดเป้าหมายที่จะทำในแต่ละวัน จากข้อสอบที่ทำการทดสอบจากอินเทอร์เน็ต ถ้าเราคิดว่าจำนวนข้อที่ถูกต้องตามเป้าหมายได้แล้ว ก็แสดงว่าคุณพร้อมที่จะไปสอบแล้ว
ชาว Pantip แนะนำ [7 เคล็ดลับ] รเขียน Resume ให้ปัง! สำหรับเด็กจบใหม่!
สรุปสุดท้าย : ชาว Pantip ขอบอกสอบโทอิคให้ได้คะแนนสูงๆ ยากแต่ทำได้
ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายอีกเรื่องหนึ่งสำหรับใครที่อยากจะทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้รับใบรับรอง เพื่อที่จะนำไปสมัครงาน ถึงแม้ว่าจะจองคิวขอเลขที่นั่งเพื่อไปนั่งทำข้อสอบได้ ก็อย่าลืมว่ามีค่าสมัครด้วย ถ้าในครั้งแรกยังไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้ก็ให้ทำตามขั้นตอนการเตรียมตัวที่กล่าวไปข้างต้นก่อน หรือถ้าใครมีความมั่นใจในภาษาของตัวเองแล้วอยากจะไปลองทดสอบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่ผ่านชาว Pantip ก็แนะนำอีกว่ายังมีอีกหลายครั้งที่จะทำการทดสอบได้อีก คราวนี้ค่อยมาทำการเตรียมตัวเพื่อไปสอบอีกครั้งก็ได้