ชาว Pantip แนะนำ [7] วิธีบรรเทาและรักษาอาการไซนัสอักเสบอย่างง่าย ๆ ด้วยตัวเอง!

อาการของโรคไซนัส มักจะมีอาการคล้ายคลึงอาการเป็นหวัด มักมีน้ำมูกเหลือง ถึง เขียว น้ำมูกหรือเสมหะมีลักษณะข้น มีอาการคัดจมูก มีอาการเจ็บบริเวณโพรงไซนัส เช่น ใต้ตา หรือ เหนือหัวคิ้ว ในบางครั้งอาจมีไข้ ปวดหัว ไอ อาการของโรคไซนัส มักเป็นนานกว่า 10 ถึง 14 วัน ได้ค่ะ เบื้องต้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด สามารถใช้แผ่นประคบร้อน ประคบตามจุดต่าง ๆ ที่มีอาการปวดบนใบหน้าได้  และนอกจาก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแล้ว ยังทำให้มูกเหลวที่อักเสบไหลออกมามากขึ้นได้ค่ะ และสิ่งสำคัญไม่ควรอยู่ใกล้คนที่กำลังสูบบุหรี่ เพราะควัน และสารพิษจากบุหรี่จะทำให้เกิดการระคายเคืองในเนื้อเยื่อจมูกและไซนัส ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้นได้ค่ะ รวมถึง ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอด้วยนะคะ แต่ถ้าปฏิบัติ ตามคำแนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับไปพบแพทย์ก่อนเวลานัดอีกครั้งเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมอย่างละเอียด และ รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

โรคไซนัสอักเสบ เป็นภาวะที่เยื่อบุบริเวณโพรงอากาศข้างจมูกเกิดการอักเสบบวมจากการติดเชื้อ ทำให้คัดจมูก มีน้ำมูกข้น ปวดบริเวณจมูก ตา โหนกแก้ม หน้าผาก ฟัน ไอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นได้ ซึ่งการรักษาโรคไซนัส ส่วนใหญ่แพทย์มักจะให้การรักษาตามอาการ โดยอาจจะให้ การรักษาตั้งแต่การให้ยารับประทาน การพ้นยา การล้างไซนัสหรือถ้าเกิดไซนัสอักเสบเรื้อรังที่ให้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆแล้วอาการไม่ตอบสนอง ต่อการรักษา แพทย์อาจจะใช้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดได้ค่ะ ในเบื้องต้น การจะป้องกันการเกิดไซนัสอักเสบหรือลดการเกิดของโรค คือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี ป้องกันตนเองจากไข้หวัด หลีกเลี่ยงฝุ่นควันและมลภาวะ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น ทานพวกพืชผักผลไม้และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม องุ่น ถั่ว ผักคะน้า หัวมัน ธัญพืช เนื้อปลา เป็นต้น ก็อาจจะป้องกันการเกิดโรคได้ค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

ไซนัสอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจหรือโรคหวัด ซึ่งจะทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ และอาจจะลุกลามเข้าไซนัส จนทำให้ไซนัสอักเสบจากเชื้อไวรัสได้ และมักจะทำให้มีอาการคล้ายคลึงอาการเป็นหวัด เช่นมีน้ำมูกเหลืองถึงเขียว น้ำมูกหรือเสมหะ มีลักษณะข้น มีอาการคัดจมูก มีอาการเจ็บบริเวณโพรงไซนัส เช่น ใต้ตา หรือ เหนือหัวคิ้ว ในบางครั้งอาจมีไข้ ปวดหัว ไอ ซึ่งอาการของโรคไซนัสมักเป็นอยู่ประมาณ 10 ถึง 14 วัน ได้ค่ะ เบื้องต้น หากอาการไม่รุนแรงอาจจะดูแลตัวเองในขั้นต้นได้ ซึ่งอาการอาจจะดีขึ้นหรือหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ จากการดูแลตัวเอง อย่างถูกต้อง เช่นทานยาแก้ปวดและลดไข้ เพื่อลดไข้และบรรเทาอาการปวดบวมอักเสบ รวมถึงยาลดน้ำมูกและยาคัดจมูกเพื่อช่วยบรรเทาอาการ คัดจมูก และใช้การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพื่อชะล้างหนองและสิ่งสกปรกที่ตกค้างภายในโพรงจมูกให้ไหลออกมา รวมถึงสามารถใช้แผ่นประคบร้อน ประคบตามจุดต่าง ๆ ที่มีอาการปวดบนใบหน้าได้ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ อาการจะค่อยๆดีขึ้นได้ค่ะ แต่ถ้าอาการมีความรุนแรงหรือเรื้อรัง เช่นมีอาการนานมากกว่า 2 สัปดาห์ และปวดบริเวณข้างจมูกหรือใบหน้ามาก การได้รับกลิ่นลดลง หรือ หายใจมีกลิ่นเหม็น กลืนอาหารลำบาก แนะนำให้รีบไปพบแพทย์หู คอ จมูก ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอาการ และ รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

อาการปวดศีรษะมักมีเหตุมาจากความเครียด เมื่อเราเครียดจะทำให้นอนไม่หลับ และเกิดการพักผ่อนไม่เพียงพอ การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไปเครียดจนเกินไป หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด เช่น การอดอาหาร การอดนอน เป็นต้น ปวดศีรษะ เป็นอาการที่พบได้บ่อยเพราะสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย การดูแลเพียงสุขภาพกายจึงไม่เพียงพอ เพราะเราต้องหันมาดูแลสุขภาพจิตของตัวเราเองให้แจ่มใส ลดความเครียดลงค่ะ ถ้าผู้ป่วยดูแลรักษาตนเอง 1-2 วันแล้วอาการปวดยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ แพทย์จะตรวจวินิจฉัยได้ว่าเป็นอาการปวดศีรษะชนิดใด มีสาเหตุจากอะไร และจะพยายามตัดต้นเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ผู้ป่วยอาจต้องตรวจร่างกายเพิ่มเติมค่ะ โรคไซนัสอักเสบ เกิดจากเยื่อบุไซนัสติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ เมื่อเกิดการติดเชื้อเนื้อเยื่อในโพรงไซนัสจะมีอาการบวม และร่างกายจะผลิตสารคัดหลั่งเมือกเหลวขึ้นมามากจนเกิดการอุดตันจนกลายเป็นหนองอักเสบหรือน้ำมูกเขียวข้น มักจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และปวดบริเวณไซนัสที่อักเสบ รวมถึงมีอาการป่วยอื่นๆร่วมด้วยค่ะ

-มีน้ำมูกหรือมีเสมหะที่มีลักษณะข้น สีเหลืองหรือเขียวในลำคอ หรือไหลลงคอ

-หายใจติดขัด อึดอัด คัดจมูก ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือคนรอบข้างบอกว่ามีกลิ่น

-ไอ เจ็บคอ ปวดฟัน การรับรู้กลิ่นหรือรสชาติแย่ลง

-ปวดบริเวณหัวตา หน้าผาก โหนกแก้ม จมูกบริเวณระหว่างคิ้ว และรอบๆ กระบอกตา

-อาจปวดหัว มีไข้ อ่อนเพลีย หรือไอเรื้อรังร่วมด้วย

หากผู้ป่วยมีอาการต่างๆ เหล่านี้ ติดต่อกันนานเกิน 10 วัน สันนิษฐานได้ว่าคนไข้อาจเป็นไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน และหากไม่ได้รับรักษาก็อาจกลายเป็นไซนัสอักเสบแบบเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ