ขับ Grab เป็นงานหลักหรืองานเสริมดีไหม? ลองมาแอบฟังความเห็นของชาว Pantip กัน!
เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากจะสมัครใช้บริการและทำงาน ขับ Grab ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์หรือขับส่งอาหาร เนื่องจากว่าเพียงแค่มีรถ เป็นของตัวเองก็สามารถที่จะสมัครทำงานได้แล้ว ชาว Pantip จึงอยากมาแนะนำว่า ควรทำงานกับ Grab เป็นงานประจำหรืองานเสริมดี
งานคีย์ข้อมูลช่วยสร้างรายได้จริงหรือเปล่า!? มาฟังความเห็นชาว Pantip กัน! [ข้อมูลปี 2021]
ขับ Grab Car ประสบการณ์ ชาว Pantip เล่าว่า
ซึ่งเงื่อนไขของ Grab แตกต่างจาก Uber ตรงที่ ช่วงนั้นใครจะสมัครเริ่มขับต้องเติม เครดิตกระเป๋าเงินขั้นต่ำ 500 บาท แรกเข้า เพื่อเวลารับงาน จะไปหักจากเครดิตที่เติมไว้ 20% ของค่าโดยสาร
วันแรกที่เริ่มเปิด App รับผู้โดยสาร หลังเลิกงานตอนประมาณ ทุ่มกว่า ผมคิดในใจว่า ได้สัก 2 รายก็ถือว่าโอเคแล้ว ปรากฏว่า ภายในระยะเวลาตั้งแต่ 19.30 – 24.00 น. มีลูกค้าเรียกมา 5 ราย จริงๆ แล้วมี 6 ราย แต่รายที่ 6 กดรับไม่ทัน เฉพาะวันนั้นได้เงินกลับบ้าน เกือบพัน หลังหักค่าแก๊ส
เสาร์-อาทิตย์ ยิ่งมีคนเรียกเยอะ เฉลี่ย ช.ม.ละ 3-4 ราย ถ้ารถไม่ติด ถ้ารถติดอาจจะรับงานได้น้อยลง เนื่องจากใช้เวลาในการรับ-ส่งผู้โดยสารนานขึ้น
สำหรับ GrabCar จะมี Incentive ให้ตามรอบ ในแต่ละสัปดาห์ รวมทั้งยังมีเงินรางวัลพิเศษสำหรับคนที่ทำรอบได้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ส่งให้ทาง SMS ด้วยครับ
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ความคุ้มไม่คุ้ม ขึ้นอยู่ความคิดของแต่ละบุคคล ถ้าคุณทำเพราะคิดจะเอาเป็นรายได้หลัก เหมือนที่เคยมีคนมาเคลมว่าได้เดือนละ 7-8 หมื่น บางทีคุณอาจจะผิดหวังได้ เพราะต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า ธุรกิจทุกประเภท เป็นเรื่องของ Demand supply ถ้ามีลูกค้าเยอะ แต่ไม่มีคนขับ ทางบริษัทเขาก็ต้องออกโปรฯ จูงใจให้คนมาขับ แต่ถ้าช่วงไหนที่คนขับเยอะ ลูกค้าเรียกน้อย เขาก็ต้องลด Incentive ลง มันก็วนๆ ไป แบบนี้แหละ
เพราะฉะนั้น ถ้าใครคิดจะออกมาขับเป็นอาชีพ ก็ต้องพิจารณารายรับ-รายจ่าย ภาระด้านการเงินของแต่ละคนด้วย
อยากขายของตลาดนัดอะไรดี!? มารู้จักกับ 10 สิ่งของน่าสนใจแนะนำโดยชาว Pantip กัน!
ขับ Grab Car ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเป็นพาร์ตเนอร์ ชาว Pantip เล่าว่า
ลูกค้าคือผู้ให้เงิน ดังนั้นลูกค้าจึงสำคัญกว่าเสมอ
ก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ที่คนให้เงินย่อมสำคัญ ลูกค้าคือพระเจ้า เป็นคำที่ผมไม่ชอบแต่ต้องยอมรับว่า ในทางหนึ่งมันมีความจริง จากที่เจอเพื่อนสมาชิกบ่นถึง คือ ทางระบบฟังแต่ทางลูกค้าข้างเดียว ไม่รับฟังในมุมของ Partner เลยแม้แต่น้อย
ยกตัวอย่าง
ลูกค้า เรียกรถด้วยจำนวนคนที่มากจนไม่สามารถขึ้นรถได้ ลูกค้า Complain คนขับโดนตัดคะแนน
ลูกค้า ระบุจุดรับ หรือ จุดส่งผิดไปจากที่ต้องการจริง ถ้าคนขับจะไม่ทำตามลูกค้าบอก ลูกค้าประเมินคะแนนตัดคะแนนคนขับได้
ลูกค้า เรียกรถแล้วลูกค้ายกเลิก ระบบตัดคะแนนคนขับ
ซึ่งในความเป็นจริง ลูกค้าหลายราย หัวหมอ จนนำมาซึ่งปัญหา
เช่น
ลูกค้า 1 กลุ่ม เรียก Grab พร้อมกัน อย่างน้อย 2-3 เครื่อง มีคนรับทั้งหมด ก็รอจนคันแรกมาถึง แล้วยกเลิกคันที่เหลือ กรณีนี้ คันที่เหลือกำลังขับรถไปรับ ต้องเสียค่าน้ำมันฟรี และถูกตัดคะแนนคนขับด้วย
ลูกค้าระบุจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ระบุพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อระบบคำนวณค่าเดินทาง จะคำนวณจากระยะทางที่ระบุไว้ ซึ่งไม่ตรงกับสถานที่จริง เช่น เรียกลงหน้าปากซอย แต่ให้ไปส่งในซอยลึกเข้าไปอีกหลายกิโลเมตร ถ้าคนขับจะไม่ไปส่งต่อ ในทางระบบถือว่าทำได้ แต่ถ้าลูกค้าประเมินคะแนน ก็โดนตัดคะแนนไป หรือ ถ้ายอมไปส่งตามที่ลูกค้าบอก ไม่สามารถเก็บค่าโดยสารเพิ่มได้ ถ้าเก็บเพิ่มเอง ลูกค้าอาจแจ้ง Call Center คนขับอาจถูกพักงานได้ และในทางจริง ถ้าจุดส่งจริงกับในระบบไม่ตรงกัน ระบบอาจแจ้งว่าส่งผู้โดยสารผิดจุด อาจถูกพักงานได้
ขับ Grab มีจุดดี-จุดเสียอย่างไร? ชาว Pantip บอกว่า
จุดดี
1. สามารถเลือกรับลูกค้าเมื่อไหร่ก็ได้ที่เราสะดวก ไปทำธุระก็กดไม่รับงานได้
2. สามารถใช้รถส่วนตัวในการให้บริการตามเงื่อนไขด้วย ไม่ต้องไปเช่ารถแท็กซี่
3. ไม่ต้องอยู่ภายใต้บริษัทหรือยูนิฟอร์มใดๆ แค่แต่งตัวสุภาพก็พอ
จุดเสีย
1. ความพึงพอใจของลูกค้ามีผลกระทบต่อการรับงานของเรา ถ้าทำอะไรหน่อยที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจก็ถูก คอมเพลนได้
2. เจอลูกค้าหัวหมอ เวลาเรียกเรียกหลายคัน คันไหนมาก่อนคันที่เหลือก็ถูกยกเลิก คันที่ถูกยกเลิกก็ถูกตัดคะแนน
3. ความไม่แน่นอนของลูกค้า ถ้าวันไหนลูกค้าน้อยคนขับเยอะ ก็ได้รายได้น้อย
[10] อาชีพเสริมน่าสนใจ ที่ชาว Pantip ฟันธงว่าทำเลยไม่มีผิดหวัง!!!
สรุปสุดท้าย : ขับ Grab จะขับเป็นหลักหรือทำเป็นงานเสริมก็ได้ ชาว Pantip บอกมา
สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวคุณเอง ชาว Pantip แค่แนะนำได้ว่า มีวิธีอะไรที่จะคำนึงถึง การขับ Grab เป็นงานประจำหรืองานหลัก แน่นอนว่าเป็นอิสระจะเริ่มงานหรือหยุดงานเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับความไม่แน่นอนของรายรับ หญิงขับเยอะเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าจะได้เงินเยอะเสมอไป ขึ้นอยู่กับปริมาณลูกค้าที่จะใช้บริการด้วย