ชาว Pantip แชร์ประสบการณ์และเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ [ซีสต์รังไข่] ปี 2022

มีอะไรน่ารู้บ้างเกี่ยวกับซีสต์รังไข่มาดูคำตอบจากชาว Pantip

ซีสต์รังไข่โรคที่สาวๆหลายๆคนรู้จักเป็นอย่างดีแต่สำหรับบางคนก็เคยได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ซีสต์รังไข่เป็นโรคที่เกี่ยวกับอะไรบ้าง? อันตรายไหม? แล้วซีสต์ในรังไข่มีอาการอย่างไร? ในบทความนี้ชาว Pantip ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับคำถามที่หลายคนสงสัยและยังแชร์ประสบการณ์จริงอีกด้วย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!

[ปวดหลังด้านขวาล่าง] ทำยังไงดี? ชาว Pantip ให้คำตอบพร้อมแชร์ประสบการณ์ ปี 2022

ก่อนรู้จักซีสต์ในรังไข่เรามารู้จักซีสต์กันก่อน! ชาว Pantip จะเล่าให้ฟัง

ซีสต์คืออะไร?

“ซีสต์ หรือ cyst” ในภาษาอังกฤษแปลว่า “ถุงน้ำ” โดยร่างกายของคนเรามีโอกาสที่จะเกิดซีสต์ได้แทบทุกอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก หรือแม้กระทั่งสมอง แต่อวัยวะภายในของเพศหญิงจะมีความพิเศษกว่าเพศชาย เพราะเพศหญิงจะมีอวัยวะสืบพันธุ์ คือ มดลูก และรังไข่ ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีโอกาสเกิดซีสต์ได้ง่าย โดยเฉพาะรังไข่ เพราะเป็นอวัยวะที่มีลักษณะเป็นถุง ดังนั้นโรคซีสต์จึงไม่ใช่โรคไกลตัวของคุณผู้หญิงเลย เราควรทำความรู้จักโรคซีสต์ที่มักเกิดขึ้นกับอวัยวะภายในของเรากันดีกว่าค่ะ

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

ซีสต์ในรังไข่เป็นอย่างไร? ชาว Pantip มาตอบ

ซีสต์ในรังไข่ (Cystic Ovary) จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

– Functional Cyst เป็นถุงน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บไข่ที่เป็นเซลล์สืบพันธ์ เมื่อถุงน้ำโตขึ้นแล้วจะแตกออกทำให้ไข่ไหลออกมา แล้วถุงน้ำนั้นจะค่อย ๆ ยุบตัวไปเอง
– Ovarian Cyst หรือ Ovarian Tumor เป็นเนื้องอกถุงน้ำรังไข่ชนิดไม่ร้ายแรง ซึ่งถุงน้ำชนิดนี้จะมีลักษณะเฉพาะ คือ ภายในจะบรรจุน้ำ ไขมัน เส้นผม หรือกระดูกและฟัน
– Tumor like condition เป็นถุงน้ำที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือที่เรียกว่า ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) เป็นถุงน้ำรังไข่ที่มีของเหลวอยู่ข้างใน ซีสต์จะเกิดจากการตกไข่ผิดปกติ ทำให้มีของเหลวคั่งในรังไข่มากกว่าปกติ ซึ่งของเหลวที่ว่านี้ไม่ใช่ช็อกโกแลตเหมือนชื่อของโรคแต่อย่างใด แต่เป็นเลือดประจำเดือนที่คั่งค้างอยู่ในถุงน้ำเป็นเวลานานจนกลายเป็นสีน้ำตาล และมีลักษณะเหมือนช็อกโกแลตซีสต์นั่นเอง

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

ชาว Pantip เล่า ซีสต์ในรังไข่มีอาการอย่างไร? อันตรายไหม?

อาการของโรคซีสต์ในรังไข่
อาการของโรคจะขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำที่เกิดขึ้น บางรายอาจไม่มีอาการ หรือบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
– คลำเจอก้อนที่หน้าท้อง
– ปวดหน่วง ๆ บริเวณท้องน้อย
– ประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมากะปริดกะปรอย หรือมามากผิดปกติ
– ท้องอืด แน่นท้อง
– ปัสสาวะบ่อยขึ้น
– ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ซึ่งอาจเกิดจากมีถุงน้ำรังไข่แตก  หรือมีการบิดของถุงน้ำ หากเป็นในกรณีนี้ควรรีบพบแพทย์

ซีสต์ในรังไข่อันตรายแค่ไหน
ซีสต์ในรังไข่มักพบได้ในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ เมื่อมีประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกนี้จะมีเลือดซึมออกมาสะสมในถุงน้ำจนเป็นเลือดเก่าข้น ในระยะแรกโรคนี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานจนถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นอาจจะส่งผลให้มีอาการปวดท้องรุนแรงได้ โดยถุงน้ำนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่จะกลายไปเป็นมะเร็งนั้นมีค่อนข้างน้อย เพราะบางรายสามารถหายได้เอง

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

ชาว Pantip แชร์เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนโทร [สายด่วนสุขภาพจิต 1667]

ซีสต์ในรังไข่มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร? ชาว Pantip ตอบ

เมื่อเป็นซีสต์ในรังไข่รักษาอย่างไร

การรักษาซีสต์ในรังไข่จะมีวิธีที่หลากหลาย บางรายอาจต้องผ่าตัด แต่บางรายอาจทำเพียงแค่ติดตามอาการเท่านั้น โดยการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ จะมีรายละเอียด ดังนี้
– ติดตามอาการ หากพบว่าเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แพทย์จะนัดตรวจอาการว่าถุงน้ำมีขนาดโตขึ้นหรือไม่ โดยอาจต้องรับประทานยาคุมกำเนิด
– การผ่าตัด จะมีทั้งการผ่าตัดแบบไม่ฉุกเฉิน และแบบฉุกเฉิน โดยการผ่าตัดแบบไม่ฉุกเฉินจะใช้รักษาในกรณีที่มีซีสต์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีบุตรยาก อาจจะผ่าตัดเอาซีสต์ออกอย่างเดียว หรือตัดรังไข่ออกทั้งหมดขึ้นอยู่กับอายุผู้ป่วย ชนิด และขนาดของซีสต์ ส่วนการผ่าตัดแบบฉุกเฉินมักทำในกรณีที่ถุงน้ำรังไข่แตก หรือถุงน้ำรังไข่มีขั้วบิด

การป้องกันซีสต์ในรังไข่
สาเหตุของซีสต์ในรังไข่ยังไม่ทราบแน่ชัด ส่วนใหญ่มักเกิดจากเซลล์เยื่อบุของท่อนำไข่มีการกลายเซลล์ที่ผิดปกติ ผู้หญิงที่ทำหมันแล้วมีโอกาสเป็นน้อยกว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้ทำหมัน เพราะรังไข่ของผู้หญิงเป็นอวัยวะที่สามารถเกิดซีสต์ได้ง่าย การทำหมันเป็นการตัดรังไข่ออกไปจึงทำให้มีโอกาสของการเป็นซีสต์ในรังไข่ได้น้อยนั่นเอง
นอกจากนี้การป้องกันการเป็นซีสต์ในรังไข่ หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับภายในของผู้หญิงที่ดีที่สุด คือ การอัลตราซาวด์มดลูก และรังไข่ ซึ่งวิธีนี้จะสามารถทำให้เราพบความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับมดลูกและรังไข่ได้

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

คนที่เป็นซีสต์ในรังไข่ไม่ควรทานอะไรบ้าง? มาดูคำตอบจากชาว Pantip

เราก็เป็นเหมือนกันค่ะ คุณหมอไม่ห้ามอะไรเลย
แต่ลองหาข้อมูลดู เห็นบอกห้ามพวกของทอด ของมัน นมวัว อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

ของมันๆๆทั้งหลาย

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

เนยโชติกาเป็นที่เต้านม ฟังข่าวเขาไม่กินไก่เพราะไก่มีสารเร่งโต
ทำให้ซีทใหญ่ขึ้น เน้นกินปลา ผักจะช่วยได้คะ

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

เคยพาคุณแม่ไปหาหมอจีน เขาว่าไม่ควรทานปลาหมึกด้วยครับ

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

เราหาหมอที่ศิริราช หมอก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ
เราทานปกติ ของทอดชอบมากกก กินทุกวัน ขนาดซีสก็เท่าเดิมมาก 3 ปีแล้ว
แต่พยายามลดอยู่ ของพวกนี้กินมากไปไม่ดีอยู่แล้ว

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

อาหารที่ไม่ควรทานเลยคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอ ของหมักดอง ผลไม้รสหวานจัด เนื้อวัว
อาหารที่ควรเลี่ยง สัตว์เลี้ยง เพราะมีสารเร่งโต เช่น ไก่ ปลา หมู แต่ก็เป็นการยากที่จะเลี่ยงได้ ควรทานอาหารที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น อาหารทะเลที่สดใหม่ ฯลฯ

อาหารเสริม เช่น เห็นหลินจือ สมุนไพรที่มีรสขม(ไม่ควรทานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ) ผลิตภัณฑ์บำรุงระบบสืบพันธุ์ โปรตีน ฯลฯ

สรุปคือ ควรเลี่ยงทานอาหารดังกล่าว หากว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ซีสต์รังไข่ มดลูก ซีสต์เต้านม

คลิก! เพื่ออ่านกระทู้ต้นฉบับ

สรุปสิ่งที่ชาว Pantip อยากเล่าเกี่ยวกับอาการซีสต์ในรังไข่

ชาว Pantip เล่าสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับซีสต์ในรังไข่

– ชาว Pantip บอกว่าซีสต์สามารถเกิดได้ง่ายในผู้หญิงโดยเฉพาะที่บริเวณรังไข่แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่รุนแรงและไม่อันตราย

– ชาว Pantip ยังบอกวิธีและขั้นตอนในการป้องกันตัวเองอีกด้วยคือการทำหมันซึ่งเป็นการตัดรังไข่ก็จะทำให้โอกาสในการเกิดซีสต์รังไข่น้อยลงมาก

ชาว Pantip แชร์เรื่องที่ต้องรู้และเล่าประสบการณ์เป็น [ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง] ปี 2022

บทสรุปส่งท้าย : เรื่องควรรู้เกี่ยวกับซีสต์รังไข่ที่ชาว Pantip เล่า!

เห็นไหมว่ามีชาว Pantip จำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังมีหรือเคยมีซีสต์ในรังไข่ซึ่งชาว Pantip ที่มีประสบการณ์หลายคนก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีเพราะเป็นคำแนะนำที่มาจากประสบการณ์ของพวกเขาเองเช่น ในเรื่องอาหารที่ห้ามทาน 

ซีสต์ในรังไข่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนและแม้ว่าสาเหตุการเกิดซีสต์นั้นจะยังไม่แน่ชัดและมักจะเจอในกลุ่มผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ แต่หากเกิดแล้วหลายคนก็ให้คำแนะนำว่าไม่ต้องกลัวเพราะซีสต์ไม่ได้อันตรายเสมอไปและในบางรายซีสต์ก็สามารถหายเองได้!