ติ่งเนื้อปากช่องคลอดอันตรายหรือเปล่า? รวมประสบการณ์ของสาว ๆ ชาว Pantip [ในปี 2022]

เป็น ไวรัสหูดหงอนไก่รึป่าวครับ ไป พบแพทย์ รีบรักษานะครับ แต่ช่วงนี้ลำบากหน่อยนะครับ แพทย์อาจไม่รับตรวจ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

ตรวจแล้วค่ะหมอบอกว่าแค่ต่อมน้ำ หรืออะไรสักอย่างจำไม่ได้ค่ะ ถ้าหูดหงอนไก่มันจะโตขึ้นไวมาก แต่ของหนูไม่ค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

เคยเป็นค่ะ ปากมดลูกเหมือนกัน ไป รพ.รัฐ ทำการจองห้องได้คิวอีกเดือนนึง ไปคลินิกที่ตรวจเจอโรคนี้ เค้าบอกว่าทำไมรอนานยัง เนื้องอกตรงปากมดลูกผ่าเป๊บเดียวเสร็จ เราเลยถามว่ามีคุณหมอแนะนำไหมคะ (คลินิกที่ไปตรวจเค้าไม่สามารถทำให้ได้คะ) คุณหมอแนะนำหมอคนหนึ่งมาให้ เราไปคืนนั้นเลย คุณหมอท่านนี้เปิดคลินิกเหมือนกันแต่ทำงานที่ รพ. ด้วยคะ แกตรวจเสร็จ จัดการเอาออกเลย มันจะรู้สึกหน่วงๆ นะคะ แต่แค่แป๊บเดียว ตอนใส่เครื่องง้างขาเจ็บกว่าอีกอ่ะเราว่า เสียเงินไปไม่เกือบ 2000 บาท หลังจากนั้นหมดจะนัดตรวจภายในทุกๆ 6-12 เดือนนะคะ แล้วก็ตอนนี้ฉีดยาป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้วด้วยคะ^^

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

เคยตัดหลังคลอดค่ะ รพ.เอกชน คุณหมอบอกเป็นโฟลิป ซึ่งมักจะมีหลังคลอด คุณหมอตัดออกแล้วซ้ำด้วยซิลเวอร์ไนเตรต ซึ่งทาแล้วแสบบบบบมากกกก แต่ พอตัดแล้ว เพิ่งไปตรวจภายในมาเมื่อเดือนที่แล้ว okดีค่ะ ปกติดี เป็นกำลังใจค้ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

แม่เราเพิ่งไปหาหมอมาเหมือนกันค่ะ ตอนแรกแอบเครียด ไปเจอหมอ หมอแจ้งว่าเป็นเขื้อราธรรมดาให้ยาเหน็บมา และมีการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยเลย ใช้สิทธิผู้สูงอายุฟรี ปล.หมอทุกห้องมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น แม่ยังขำๆบอกเด็กที่มารอต่อแม่เขินหมอไม่กล้าเข้าตรวจเลยค่ะ55

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

เพื่อนเคยเป็น หมอบอกมันเหมือนรีดสีดวงนะล่ะ แต่มันดันเป็นส่วนของเนื้อเยื่อบุช่องคลอดแทน ถ้าไม่ใหญ่ขลิบทิ้งได้เลย เพื่อนดิฉันยาวประมาณ 2 ซม ค่ะ ขลิบแล้วมันก็ไม่กลับมาอีกเลย

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ

ติ่งเนื้อที่ว่านั้น เรียกว่า ติ่งเนื้อเวสติบูลา (Vulvar vestibular papillomatosis) พบได้ราวร้อยละ 44 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ และร้อยละ 8 ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อยู่ด้านในของแคมเล็ก มีสีเนื้อหรือสีชมพู ขนาดเท่าๆ กัน ต่างจากหูดหงอนไก่ที่ขึ้นเป็นกลุ่มคล้ายดอกกะหล่ำ เจ้าติ่งเนื้อเวสติบูลานี้เป็นภาวะที่ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดมีลักษณะคล้ายติ่งเนื้อเล็กๆหรือตุ่มเล็กๆขนาดใกล้เคียงกัน ยื่นขึ้นมาบริเวณปากช่องคลอดหรือบริเวณแคมเล็กซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อใดๆ เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเซลล์ผิวหนังตามธรรมชาติ และยังไม่ทราบสาเหตุ โดยที่ยังไม่มีวิธีป้องกันและไม่มีความจำเป็นต้องรักษา เพราะไม่ใช่โรคอะไรด้วยค่ะ

คลิก! อ่านกระทู้ต้นฉบับ